ถ้าเกิดคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบ คิดมาก ฟุ้งซ่าน ขี้วิตกกังวล กับการกระทำไปซะทุกเรื่อง

กระทั่งทำให้ต้องลำบากใจอยู่เป็นประจำเรามีแนวทางมาเสนอแนะที่จะสามารถช่วยให้คุณลดความไม่สบายใจ คิดมาก หรือ เพ้อเจ้อลงได้

1. ดูความนึกคิดของตนเอง

หัวใจหลักที่สุดของกระบวนการทำคือ การปล่อยให้ความคิดของคุณลอยผ่านไป

แทนที่จะไปยึดติดอยู่กับมันหรือพย าย ามที่จะหยุดคิดมัน การฝึกฝนเพื่อให้มีสมาธิแบบเจริญก้าวหน้าสติเป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณ


หยุดหมกมุ่นกับความหลังได้ โดยให้คุณทดลองสังเกตการณ์ความนึกคิดของตน


ดูว่าตนเองกำลังไม่สบายใจอยู่กับเรื่องอะไร และ จะไขปัญหาได้อย่ างไร แทนที่จะลงไปหมกมุ่นอยู่กับมัน

ลองนั่งอยู่เฉยๆแล้วสังเกตความคิดของตนดู คุณจะรู้เลยว่าความคิดมันไร้ขอบเขตจริงๆ

และก็ขณะที่คุณพย าย ามทำให้มันนิ่ง ก็มีแม้กระนั้นจะแย่ลงแค่นั้น แต่จิตใจของคุณจะสงบลงเองเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก

และ เมื่อจิตใจของคุณสงบแล้วมันก็จะมีพื้นที่ว่างสำหรับเพื่อการยอมรับฟังสิ่งที่ประณีตและวิจิตรบรรจงยิ่งขึ้น

2. เขียนความคิดของตนเอง

อีกแนวทางนึง ที่สามารถจะช่วยหยุดความนึกคิดเพ้อเจ้อของคุณ ก็คือ การระบายให้กับผู้ที่มีมุมมองแนวทางคิดผิดแผก

ไปจากคุณได้ฟัง หรือ จะใช้แนวทางเขียนระบายความคิดของตัวลงไปในกระดาษแทนก็ได้


เนื่องจาก การเขียนทำให้พวกเราคิดอย่ างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ถ้าหากคุณเก็บความคิดพวกนั้นไว้แต่ในหัว


เว้นแต่มันจะไปสุมกันจนเป็นภูเขามันยังมีผลให้คุณวนกลับมาคิดเรื่องเดิมซ้ำอยู่อย่ างนั้นไม่จบสิ้น

3. กำหนดช่วงเวลาสำหรับ "การหยุดใช้ความคิด"

การกำหนดเวลา "หยุดใช้สมอง" ช่วยห้ามไม่ให้คุณหมกมุ่นกับปัญหาอย่ างใดอย่ างหนึ่งมากจนเกินไป

ตัวอย่างเช่น การไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องย ากๆข้างหลังเวลาสองทุ่มเพื่อไม่ให้มันมารบกวนเวลาเข้านอนหลับ

มีคำเสนอแนะว่าให้แบ่งเวลาไว้ราว 20 นาทีต่อวัน สำหรับเพื่อการสะท้อนความนึกคิดของตน

ด้านในยี่สิบนาทีนี้ ปลดปล่อยให้ตนเองไม่สบายใจ ใคร่ครวญ เพ้อเจ้อได้สุดกำลังตามอยาก แล้วเมื่อหมดเวลา

ก็ให้แปรไปทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์กว่า ถ้าเกิดคุณเริ่มคิดมากนอกช่วงเวลาที่กำหนดไว้เมื่อไหร่

ก็ให้เตือนตนเองว่า ค่อยเอาเก็บไปคิดในขณะที่ระบุดีกว่า

4. เบี่ยงเบนความนึกคิดของตัวเอง

ฟังมองกล้วยๆแม้กระนั้นแท้จริงการเขียนจ่อกับสองสิ่งไปพร้อมนี่มันย ากนะ

ลองออกกำลังกายหรือเล่นเกมดูเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังคิดมากเพื่อสร้างสมดุลระหว่างอารมณ์รวมทั้งร่างกาย

ผู้เชี่ยวชาญคนจำนวนไม่น้อยก็เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้หมายถึงให้หากิจก ร ร มที่เบี่ยงเบนความพึงพอใจของคุณ


ซึ่งจะต้องเป็นกิจก ร ร มที่ใช้อีกทั้งร่างกาย ความนึกคิด รวมทั้ง การร่วมเล่นกับคนอื่น ตัวอย่างเช่น เทนนิส หรือการเดินเที่ยวกับเพื่อนฝูงสักคน

5. จุดโฟกัสที่สิ่งที่ทำได้ในขณะนี้

อีกหนึ่งวิธีแก้นิสัยคิดมากก็คือ เลิกคิดแล้วลงมือทำอย่ าไปจุดโฟกัสในสิ่งที่คุณต้องทำ สิ่งที่ยังมิได้ทำ หรือ

แม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง แม้กระนั้นให้พุ่งความพอใจไปในที่สิ่งซึ่งสามารถทำได้ในขณะนี้ก็พอเพียง

ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กเพียงใดก็ตาม แล้วก็ลงมือกระทำมันซะ อย่างนี้ทุกครั้งที่พวกเราไม่สบายใจ

ถึงปัญหาในเรื่องใดๆเราก็จะสามารถทำให้มันออกมาเป็นตัวเป็นตนมากยิ่งขึ้น

6. ยกย่องความคิดเห็นของตนเอง

เหตุที่คุณยังคงคิดมากกระทั่งไม่ยินยอมตกลงใจส่วนใดส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นจากคุณไม่เชื่อว่าตัวเองจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้อง

ต้องทำความเข้าใจที่จะเคารพนับถือความเห็นของตัวเองยิ่งคิดมากเยอะแค่ไหน คุณก็จะยิ่งลังเลในความคิดของตัวเองมากเท่านั้น

7. คุณสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้

เป็นเรื่องปกติที่จะกลุ้มใจว่าคุณเลือกงานไม่ถูก แต่งงานกับคนที่ไม่ใช่สำหรับตนเอง หรือแม้กระทั้งขับขี่รถกลับบ้านผิดทาง

แต่ความผิดพลาดก็มิได้ส่งผลให้เกิดหายนะเสมอไป แถมยังเป็นช่องทางให้ได้ทำความเข้าใจและเติบโตขึ้นด้วย

คุณไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจกับความผิดพลาดเลย รวมทั้ง ให้เข้าใจไว้ว่าความคิดเห็นหรือความรู้ของ

คุณนั้นมันเปลี่ยนได้เสมอตามยุคสมัย แล้วคุณจะรู้สึกสงบและเป็นอิสระจากด้านในอย่ างตามที่เป็นจริง
คิดมาก 
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13411/