• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

📢การเจาะสำรวจดิน (Soil Boring Test) 👉จุดเริ่มต้นงาน วิศวกรรมโยธา✅

Started by Cindy700, July 23, 2024, 01:36:14 AM

Previous topic - Next topic

Cindy700

งาน การสำรวจดิน และ ทดสอบทางปฐพีกลศาสตร์ ถือเป็นสาขาหนึ่งที่สำคัญอันดับต้น ๆ ของงาน งานฐานราก กล่าวคือ โครงสร้าง สิ่งปลูกสร้าง ต่าง ๆ ล้วนถูกสร้างอยู่บนพื้นดิน และชั้นดินในบริเวณนั้น ๆ ซึ่งทำหน้าที่รับน้ำหนักของสิ่งปลูกสร้างด้านบนผ่านโครงสร้างใต้ดินที่เรียกว่า ฐานราก (Foundation) ดังนั้นการสำรวจสภาพชั้นดินและทดสอบหาคุณสมบัติดินจึงมีความจำเป็นต่อการ การออกแบบฐานราก

คุณภาพของข้อมูลจากการสำรวจสภาพชั้นดินเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อผู้รับผิดชอบในงาน ออกแบบโครงสร้าง เนื่องจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับงาน ฐานราก นั้นเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง โดยเฉพาะเมื่อมี โครงสร้างเหนือพื้นดิน ดังนั้น ข้อมูลชั้นดินที่มีความถูกต้องและเพียงพอจะช่วยให้ผู้ออกแบบสามารถ ออกแบบฐานราก ได้อย่างเหมาะสม ประหยัด ปลอดภัย และสามารถลดต้นทุนโครงการได้

🛒📌🦖🌏⚡✨🎯✅👉
Quoteบริการ Soil Boring Test | บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท ซอยล์ เซอร์วิส แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
บริษัท Boring Test บริการ เจาะดิน วิเคราะห์และทดสอบคุณสมบัติทางด้านวิศวกรรมปฐพีของดิน ทดสอบเสาเข็ม (Seismic Test)

👉 Tel: 064 702 4996
👉 Line ID: @exesoil
👉 Facebook: https://www.facebook.com/exesoiltest/
👉 เว็บไซต์: [url=https://groups.google.com/g/comp.lang.xHarbour/c/ldnAaPcahdM]เจาะสํารวจดิน[/b].com/wash-boring-vs-rotary-drilling/]เจาะสำรวจดิน.com[/url]
🎯✅👉🌏⚡✨✅👉📢

การ เจาะสำรวจดิน คือกรรมวิธีการเจาะลงไปในชั้นดิน, เก็บตัวอย่างดิน, ทดสอบดินในสนาม, หยั่งชั้นดินจากผิวดิน หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งลักษณะชั้นดินทั้งทางแนวดิ่ง และการเปลี่ยนแปลงทางแนวราบ เพียงพอในการที่จะใช้ออกแบบ หรือศึกษาทางด้านปฐพีกลศาสตร์ ลักษณะการสำรวจชั้นดินจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้งานด้วย เช่น งานถนนหรือสนามบิน การสำรวจจะกระทำเพียงตื้น ๆ แต่งาน ฐานรากเสาเข็ม ต้องสำรวจลงไปลึกกว่าปลายเข็มที่คาดว่าจะใช้งาน สำหรับในบทนี้จะพูดถึงการสำรวจโดยวิธีเบื้องต้น โดยใช้ สว่านมือ (Hand Auger) การเจาะล้าง (Wash Boring) และการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้ กระบอกบาง

✅✅✅เจาะสำรวจดินก่อนก่อสร้างเพื่ออะไร?🦖🦖🦖

📢1. เพื่อให้รู้ประเภทและชนิดของดินใต้พื้นที่ก่อสร้าง ทราบลักษณะเชิงกล เราจะได้เลือกใช้ ฐานรากได้ถูกประเภท เช่น หากดินแข็งพออาจจะเลือกใช้เป็น ฐานแผ่ แทน
✅2. รู้ความลึกของชั้นดินแข็ง ว่าลึกเท่าไร เพื่อนำไปคำนวณกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็ม เลือกขนาดและความยาวเสาเข็มที่ต้องใช้ได้
⚡3. เพื่อลดความผิดพลาดในการตอกเสาเข็ม เพราะหากเจอชั้นดินแข็ง แต่ไม่หนาที่ชั้นความลึกไม่มาก อาจทำให้คนตอกเสาเข็มหยุดตอก เพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็งแล้ว ทั้งที่จริง ๆ สามารถตอกทะลุลงไปได้อีก หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก วิศวกรควรสั่งให้เจาะสำรวจดินหลาย ๆ หลุมให้เพียงพอ เพื่อเปรียบเทียบ เพราะอาจต้องออกแบบฐานรากหลายชนิด สำหรับก่อสร้างอาคารนั้น

⚡⚡⚡ประเภทของการเจาะสำรวจดิน📌📌📌

🎯1. การเจาะล้างด้วยเครื่องเจาะกระแทก (Percussion Drilling) 🛒คือการเจาะที่อาศัยแรงกระแทกของ Heavy chisel, Spun หรือ Wash boring ในการนำดินขึ้นมาจากหลุม แต่เพราะมีแรงกระแทก ทำให้เกิดการรบกวนตัวอย่างดินในชั้นที่อยู่ลึกลงไป ดังนั้น ต้องใช้ประสบการณ์ ความชำนาญ ในการควบคุมการเจาะเพื่อให้รบกวนดินน้อยที่สุด
✨2. การเจาะล้างด้วยเครื่องเจาะปั่น (Rotary Drilling) ⚡คือการใช้ใบมีดหรือหัวเจาะหมุนลงไปในดิน โดยกำลังของเครื่องยนต์ ทำงานได้เร็ว นิยมใช้สำหรับเจาะหิน แต่ต้องใช้น้ำเป็นตัวช่วยระบายความร้อนที่หัวเจาะที่ก้นหลุมด้านล่าง

🎯🎯🎯การเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย👉👉👉

เครื่องเจาะกระแทก🥇🛒📌 (Percussion Drilling)
📌1. น้ำหนักเบา การขนย้ายทำได้สะดวก🦖
🎯2. เคลื่อนย้ายเข้าตำแหน่งหลุมเจาะได้ง่ายสามารถทำงานภายในพื้นที่แคบ ๆ ได้🌏
🥇3. สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อย เมื่อเทียบกับแบบเจาะปั่น🦖

เครื่องเจาะปั่น📌🦖🎯 (Rotary Drilling)
👉1. สามารถเจาะหลุมได้ทุกขนาด และทุกสภาพชั้นดิน หรือแม้แต่ชั้นหิน👉
🥇2. การเคลื่อนย้ายเข้าพื้นที่สำรวจที่มีความลาดชันทำได้ง่ายกว่าเครื่องเจาะกระแทก🥇
🎯3. การติดตั้งท่อกันดินในระดับลึกทำได้ง่าย🦖
🛒4. ช่วยการติดตั้งท่อและอุปกรณ์สำหรับการทดสอบต่าง ๆ🦖
✨5. อัตราการเจาะหลุมเร็วกว่าเครื่องเจาะกระแทก🦖

👉👉👉บทสรุป🦖🦖🦖

ลักษณะชั้นดินในหลายพื้นที่ในประเทศไทยนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน ทำให้สภาพพื้นที่แตกต่างไปจากพื้นที่ทั่วไป เช่น มีชั้นทรายหลวมผิดปกติ มีชั้นดินเหนียวอ่อน หรือระดับความลึกของชั้นดินที่แข็งแรงมีความผันแปรสูง เป็นต้น จากลักษณะของชั้นดินเหล่านี้ อาจทำให้ฐานรากเกิดการวิบัติได้ ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างคาดไม่ถึง ก่อนที่วิศวกรจะทำการออกแบบฐานรากที่ดีและเหมาะสมนั้น จึงต้องจัดให้มีการสำรวจดินอย่างเพียงพอ เพื่อให้การออกแบบสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เป็นไปอย่างละเอียดรอบครอบ ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อการวิเคราะห์ดินจากการสังเกตและประสบการณ์ เมื่อทราบข้อมูลเกี่ยวกับดินในส่วนใดแล้ว จะต้องมีการวางแผนการเจาะดิน เพื่อให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมกับได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพราะคุณสมบัติดินซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงตามสถานที่ต่าง ๆ จึงยังไม่มีวิธีใดที่เหมาะกับดินทุกชนิดอย่างสมบูรณ์