[บุญคุณ]

คนที่เข้ามาหาคุณนั้น มีหลายแบบ เราควรรู้จักแยกให้ออก

บ้างก็เรื่องจริง บ้างก็แค่ละคร ให้ดูน่าสงส าร

บางคราวคุณยื่นมือเข้าไปช่วย แทนที่จะได้รับสิ่งที่ดีคืนมา แปลงเป็นความซ ว ย

แต่คุณเชื่อเหอะ ถ้าเขาไม่เคยทราบพระคุณ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น ไม่เจริญก้าวหน้าหรอก

ชีวิตเสมือนจะดีแต่ก็ไม่ ดี ราวกับจะราบรื่นแต่ก็ไม่ราบรื่น


ล้ ม ลุกล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่เดิม ท้ายที่สุดก็พั ง หมดรูป

โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไร ทำสิ่งใด ไม่ต้องทวงบุญคุณ

ดีเยี่ยมที่สุดคือ เลิกคบ ออกไปให้ไกลจากชีวิตเขา

มนุษย์เราจะอยู่ตามลำพังตามลำพั ง ไม่ได้ จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน

ทั้งในด้านพลังกาย กำลังความนึกคิด แล้วก็อื่นๆ

ถ้าได้รับอุปถัมภ์จากผู้ใด ก็เรียกผู้นั้นว่า ผู้มีพระคุณหรือผู้มีบุญคุณ

คนไหนช่วยเหลือให้เลี้ยงดูแก่เรา ก็ไม่ควรลืมบุญคุณของคนนั้น


ผู้ไม่ลืมเลือนอุปการะที่คนอื่นๆมีแก่ตน ย่อมเป็นผู้เจริญด้วย ลาภยศสรรเสริญ ความเป็นมิตร


แม้กระนั้นคนไหนกันแน่ไม่สำนึกในบุญคุณของผู้อื่น หรือดูถูกเหยียดหยามบุญคุณของผู้มีเลี้ยงดูของตัวเอง

ผู้นั้นจะเป็นผู้ ต่ำ ต้ อ ย ทำความดีไม่ขึ้น เป็นคน อ า ภั พ

แม้ว่าจะพย าย ามขวนขวายอย่างไร ก็มักจะ ล้ ม เ ห ล ว ไม่เป็นท่าดังเดิม

การดูถูกดูแคลนพระคุณของผู้มีบุญคุณ เขาเรียกว่า การ เ น รคุณ

การ เ น ร คุณเป็นตัว ก า ล กิ ณี จะคอยดึงให้คนเ น ร ลุก ณ ต ก ต่ำ

ไม่มีจังหวะ ที่จะแฮปปี้ได้ในชีวิตได้เลย

ด้วยเหตุว่าปราศจากความรู้บุญคุณคน ไม่มีความเป็นนักปราชญ์คุณคน

ต้องคิดให้ได้เถอะ เมื่อคิดได้แล้ว เปลี่ยนแปลงนิสัยตัวเอง ได้ชดเชยตามความเหมาะสมแล้ว

ชีวิตก็จะเบาๆดียิ่งขึ้นเรื่อยๆตามสาเหตุต่างๆที่ควรเป็น

กตัญญูคนแล้วตอบแทน นี่แหละ เครื่องหมายของคนดี
บุญคุณ
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13590/