การที่ "พีช" สิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงคู่กรณีทั้งสองท่านนั้น ไม่ใช่เพียงการแสดงความรู้สึกผิดหรือต้องการขอโทษเท่านั้น แต่ยังมีนัยสำคัญทางกฎหมายที่อาจช่วยลดหย่อนโทษในคดีที่กำลังเผชิญอยู่ ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ได้วิเคราะห์ว่าการกระทำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งศาลสามารถนำมาพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษได้

ทนายรณรงค์กล่าวว่า ตนรู้สึกเห็นใจนายกเบี้ยว (คุณพ่อของพีช) อย่างมาก และมองว่า "พีช" ไม่ควรปล่อยให้บิดาต้องออกมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้แทน อย่างไรก็ตาม ทนายรณรงค์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้อภัยและเมตตาธรรมต่อกัน โดยหากผู้กระทำผิดสำนึกในความผิดพลาด มีการชดใช้เยียวยา และขอโทษอย่างจริงใจ สังคมก็ไม่ควรขัดขวางกระบวนการปรองดองดังกล่าว

ในประเด็นค่าเสียหาย ทนายรณรงค์เปิดเผยว่าได้รับทราบข้อมูลว่ามีการเตรียมเงินค่าเยียวยาไว้ประมาณ 6 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเสียหายทางแพ่ง ขณะที่เบื้องต้นทนายรณรงค์เห็นเพียงการนำพวงมาลัยมาไหว้ขอโทษ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าไม่มีการเยียวยาด้านอื่น จนกระทั่งได้ตรวจสอบและทราบเรื่องการเตรียมเงินดังกล่าว

ทนายรณรงค์ยังอ้างถึงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2522 ซึ่งเป็นกรณีการขับรถที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดยมีการเบรกและแซงกันบนท้องถนนจนเกิดอุบัติเหตุ ศาลวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำที่มีเจตนาฆ่า ทนายรณรงค์จึงมองว่ากรณีของ "พีช" ที่มีการขับรถปาดไปปาดมานั้น อาจพิจารณาได้ว่ามีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความผิด และกำลังรอดูว่าตำรวจจะตั้งข้อหาอย่างไร

ท้ายที่สุด ทนายรณรงค์ได้ฝากข้อคิดถึง "พีช" ว่า เมื่อขอโทษแล้วไม่ควรพูดมาก ไม่ควรอ้างเหตุผลต่างๆ และไม่ควรพึ่งพาบิดาในทุกสถานการณ์ ทนายรณรงค์แสดงความเห็นใจต่อบิดาของ "พีช" ที่ต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ และเน้นย้ำว่าในฐานะผู้ใหญ่ "พีช" ควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องให้บิดาออกมาเผชิญหน้าแทน และหากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ก็ควรมุ่งไปที่ผู้ก่อเหตุโดยตรง ไม่ใช่บิดาของเขา