7 วิธีสอนลูกให้เชื่อฟังบิดามารดาและไม่ต้านทานเมื่อลูกเริ่มโต

[Jessicas]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่เราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เป็นเรื่องย ากมาก เนื่องจากลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตัวเอง บางครั้งก็พึงพอใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า


บางทีลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่บิดามารดาปรารถนาสักเท่าไรนัก


เพราะฉะนั้นจึงใช้ขั้นตอนการทำหูทวนลม เฉยเมยต่อคำพูดของบิดามารดา และมันบางทีอาจนำมาสู่ การมีปัญหากันได้

1. หาว่าอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

ถ้าหากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งบางคราวอาจเกิดจากกำลังโก รธ เสียใจ

หรืออยากที่จะให้พ่อแม่เอาใจ สิ่งที่ควรทำหมายถึงสนทนารวมทั้ง หาคำตอบ ว่าเพราะอะไรทำไม

ลูกไม่เชื่อฟังแล้วก็บอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีพ่อแม่อยู่ข้างๆเสมอนะ

และทั้งนี้พึงสังเกตทัศนคติวิธีคิดด้วย รวมถึงการพูดของลูก ก็เพื่อจะรู้เรื่องลูกมากเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้วิธีแบบเข้าใจง่ายๆ

เนื่องจากเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ควรจะทำนั้นเป็น

ใช้วิธีสอนเขา ให้จำง่ายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ตำหนิ หรือ พูดให้ตื่นเต้น


ดังเช่นว่า วันนี้ทำอะไรที่สถานศึกษาบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม ด้วยเหตุว่าทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม เป็นต้นว่า ห้ ามดื้อ ก็ควรจะกลายเป็น แม่ถูกใจลูก ในตอนที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยจ้ะ

ยิ่งไปกว่านี้ บิดามารดาบางทีอาจเปลี่ยนแปลงมาใช้การให้ค่ะแน น เพื่อให้ลูกมีเป้าหมาย สำหรับการเชื่อฟังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำบอกเล่า สายตาแห่งความรัก

เมื่อไรที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ไหวที่จะตะคอ กลูก จากคำบอกเล่าแร งๆของคุณ

ทั้งยังไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย แล้วก็การเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะส่งผลให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ แต่ถ้าว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นแล้ว สิ่งที่ควรจะทำ คือ เริ่มจากดึงความพึงพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำบอกเล่าง่ายๆให้ลูกทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แม้กระนั้นไม่ดุเดือด

ให้ท่านลองเปลี่ยนแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น แก้ไขปัญหาจะดีมากยิ่งกว่านะ นอ กจากคำกล่าวกับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกยอมรับฟังมากขึ้น กล่าวกับเขาดีๆบอกด้วยสายตาที่ความรัก แล้วคุณจะเข้าหัวใจลูกเพิ่มมากขึ้น

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เพราะครั้งคราว สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็ไม่ได้ถูกเสมอหรอกนะ ด้วยเหตุว่าเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง รวมทั้งสิ่งที่ควรทำ คือ ถามให้รู้ว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


แล้วก็มีอะไรอยู่ในใจ หลังจากนั้นจงตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพูด เพื่อช่วยให้ลูกผ่อ นคล า ยความรู้สึกหนักใจได้

5. สอนด้วย การมีกติกา ระหว่างกัน

แต่ทว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ชอบ ที่รังเกียจของตัวเองเช่นกันนะ และบ่อยมาก ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่เกลียด นานจนกระทั่งลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง และก็สิ่งที่ควรจะทำนั้น คือ เด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยที่การต่ อต้ าน

ฉะนั้น ทดลองให้ข้อเสนอ เพื่อเป็นกติกาด้วยกันมองสิ เพื่อลดการขัดแย้งหรือการเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในตอนวัยเด็ ก เขามักจะลอ กเลียนแบบ พฤติก ร ร มของคนใกล้ชิด

และไม่สามารถแยกแยะได้ ว่าอะไรไม่ควร อะไรควร มันก็เลยทำให้หลายคราวลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของผู้ใหญ่ เมื่อถูกต่อว่ารวมทั้งต่อว่าต่อขานลูกก็เลยไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดพ่อแม่ยังทำได้เลยล่ะ

และก็การทำให้ลูกกำเนิดความสงสัย แล้วก็พ่อแม่ไม่อธิบายนั้น มันก็เป็นสาเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังพ่อแม่ และสิ่งที่ควรจะทำนั้นหมายถึงลูกเรียนรู้จาก

ความประพฤติได้ดียิ่งไปกว่าคำกล่าว เพราะเหตุว่าถ้าเช่นนั้น พ่อกับแม่ควรเป็นตัวอย่ างให้ลูกมองเห็น ว่าอะไรทำเป็น อะไรไม่ควรทำ

7. สอนลูก ใช้สมอง แก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

เนื่องจากประโยคคำสั่งนั้น มันก็ทำให้ลูกคิดว่า ตัวเองไม่ได้เรื่องเอาซะเลยคะ

ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งนี้มันก็มีผลต่อให้ลูกไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น ทั้งอาจแปลงเป็นคนไม่แน่ใจไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดริเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรทำนั้น คือ จะต้องฝึกฝนให้ลูกใช้สมองแล้วก็แก้ปัญหาด้วยตัวเอง

อาทิเช่น ไหนลูกทดลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ และก็ยิ่งกว่านั้นควรหา

ธุระก ร ร มสนุกสนานๆทำร่วมกันกับลูกเมื่อคุณพ่อกับคุณแม่ เห็นลูกทำไม่ถูกต้อง


จะได้สอนลูกให้คิดแก้ไขปัญหา แทรกเรื่องของคุณธรรม ศีลธรรมไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
เชื่อฟัง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/
คำค้นหา : เทคนิค